สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของการเป็นแม่คือ การได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกรัก ปัจจุบันนี้แม่ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าบนโลกใบนี้เต็มไปด้วยเชื้อโรคจำนวนมาก คงไม่มีใครอยากให้ลูกของคุณต้องเสี่ยงกับเชื้อโรคเหล่านั้น หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากใช้ตู้อบยูวี ขอแนะนำว่าควรศึกษาเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตู้อบ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ 

1.รังสียูวีเหมาะสมกับการล้างขวดนมที่สุด 

ในครอบครัวที่มีทารก สิ่งจำเป็นที่สุดคงหนีไม่พ้นการล้างขวดนมให้สะอาดหมดจด ในอดีตหลายคนนิยมใช้เครื่องนึ่งขวดนม ซึ่งเครื่องนึ่งหรือต้มขวดนมแม้จะฆ่าเชื้อโรคได้ดี ทว่าก็มีผลเสียเช่นกัน โดยเครื่องนึ่งขวดนมจะใช้ได้กับขวดนมที่ทำจากแก้วหรือซิลิโคนเท่านั้น หากใช้กับขวดนมที่ผลิตจากพลาสติก อาจทำให้พลาสติกปล่อยสารปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ นอกจากนี้ความร้อนยังทำให้ขวดนมพลาสติก จุกยาง และฝาเสื่อมสภาพเร็วอีกด้วย 

2.รังสียูวีฆ่าเชื้อโรคได้ครอบคลุม 

หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่ารังสียูวีสามารถฆ่าเชื้อโรคได้หลายโรค แต่อาจมีคนที่ยังไม่รู้ว่ารังสียูวีสามารถฆ่าได้ทั้งเชื้ออิโคไลซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ สามารถฆ่าเชื้อซาโมลเนลล่าซึ่งทำให้คลื่นไส้ หากเป็นมาก อาจอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว นอกจากนี้รังสียูวียังสามารถฆ่าเชื้อ Pseudomonas aeruginosa ซึ่งจะไปทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากเชื้อถึงปอด จะทำให้ปอดอักเสบได้ และที่สำคัญที่สุด รังสียูวียังสามารถฆ่าเชื้อโควิด -19 ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงในปัจจุบัน 

3.รังสียูวีสามารถใช้อบสิ่งของเครื่องใช้ได้หลายชนิด 

คุณสมบัติที่โดดเด่นของรังสียูวีซึ่งเหมาะสมกับยุคสมัยนี้เป็นอย่างยิ่งคือการใช้อบฆ่าเชื้อโรคสำหรับสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธนบัตร โทรศัพท์มือถือ ขวดน้ำ เสื้อผ้า ของเล่นลูกน้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่เราต้องหยิบจับเป็นประจำ แต่ถึงอย่างไรก็ดีเราควรตรวจสอบว่าสิ่งของเครื่องใช้ที่จะนำมาอบในตู้อบยูวีนั้นมีส่วนผสมของยางพาราหรือเป็นขวดพลาสติก PET หรือไม่ 

4.ขจัดกลิ่นอับได้ดีมาก 

กลิ่นอับเป็นสิ่งรบกวนจิตใจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับของเสื้อผ้าลูกน้อยในเวลาที่ฝนตกจนไม่มีแสงแดดให้ตากเสื้อผ้าจนแห้ง หรือจะเป็นขวดนมที่อับชื้นจากการล้างแล้วอยู่ในตู้เป็นเวลานาน เป็นต้น 

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ลังเลใจว่าจะซื้อตู้อบยูวีดีหรือไม่ ขอแนะนำว่าให้ใช้เวลาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน คิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับเทียบกับราคาที่เสียไป เท่านี้ก็เป็นการซื้อของอย่างคุ้มค่าแล้ว